ผู้เขียน หัวข้อ: Mitsubishi Triton 2024: Mitsubishi Triton Athlete แต่งหล่อจากโรงงาน พร้อมขุมพลัง  (อ่าน 81 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 274
    • ดูรายละเอียด
Mitsubishi Triton 2024: Mitsubishi Triton Athlete แต่งหล่อจากโรงงาน พร้อมขุมพลัง
« เมื่อ: วันที่ 15 มิถุนายน 2024, 23:59:19 น. »
Mitsubishi Triton 2024: Mitsubishi Triton Athlete แต่งหล่อจากโรงงาน พร้อมขุมพลังที่แรงขึ้น

หลังจากที่เปิดตัวพร้อมราคาไปเมื่อช่วงต้นปี วันนี้ออโต้สปินน์ได้มีโอกาสขับทดสอบ บอกเลยว่ารุ่นนี้มีหลายจุดที่น่าสนใจเลยทีเดียว

Mitsubishi Triton Athlete (มิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท) เป็นรุ่นย่อยใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาหมาด ๆ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการอัปเกรดสมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น พร้อมการตกแต่งเพิ่มเติมทั้งภายนอกและภายใน ทำให้ Triton Athlete มีความโดดเด่นที่มากกว่ารุ่นย่อยอื่น

Mitsubishi Triton Athlete มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย

    Athlete 2WD AT ราคา 1,125,000 บาท
    Athlete 4WD AT ราคา 1,298,000 บาท


สำหรับคันที่ออโต้สปินน์นำมารีวิวในครั้งนี้คือรุ่น Athlete 4WD AT ราคา 1,298,000 บาทเป็นการขับทดสอบบนเส้นทางจังหวัดเชียงราย มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างทางเจอทั้งทางตรง และเส้นทางคดเคี้ยว มีขึ้นเขา ลงเขา ได้ทดสอบระบบต่าง ๆ มากมาย เลยขอใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อเล่าสู่กันฟังครับ

ดีไซน์ภายนอก Mitsubishi Triton Athlete

    ฝากระโปรงหน้าอลูมิเนียม
    กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ
    ไฟหน้า Multi Projector LED + DRL
    ไฟตัดหมอก LED
    ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
    ไฟท้าย T-Shape LED
    ชุดตกแต่งกันชนหน้าไทเทเนียมรมดำ
    ซุ้มล้อสีดำ
    ล้ออัลลอยสีดำ 18 นิ้ว
    กระจกมองข้างสีดำ,ไฟเลี้ยว LED
    ราวหลังคาสีดำ
    บันไดข้าง ตกแต่งสีไทเทเนียมรมดำ
    กุญแจอัจฉริยะKOS มือเปิดประตูสีดำ
    สไตล์ลิ่งบาร์สีไทเทเนียมรมดำ
    พื้นปูกระบะ(ไม่มีขอบกระบะ)
    กันชนท้ายสีไทเทเนียมรมดำ

ดีไซน์ภายใน Mitsubishi Triton Athlete

    เบาะปรับไฟฟ้า สีดำ-ส้ม พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า
    พวงมาลัยไฟฟ้า EPS หุ้มหนัง ด้ายสีส้ม
    จอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD 7นิ้ว
    จอกลางแบบสัมผัส Full HD ขนาด 9นิ้ว พร้อมระบบนำทาง Navi รองรับApple Carplay ไร้สาย ลำโพง 6ตำแหน่ง
    กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
    ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับแยกอุณภูมิ ซ้าย-ขวา
    ระบบหมุนเวียนอากาศ ผู้โดยสารตอนหลัง
    ช่องวางแก้วน้ำที่ช่องแอร์ซ้าย-ขวา
    ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย wireless charger
    ที่วางแขนผู้โดยสารตอนหลัง+ช่องวางแก้วน้ำ
    ช่องต่อ USB Type A ,C

ขุมพลังใหม่ HYPER POWER X² แรง 204 แรงม้า

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4N16 Hyper Power แบบ 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.4 ลิตร 2,442 ซีซี. เทอร์โบแปรผัน VG Bi-Turbo เทอร์โบคู่ พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 2,750 รอบ/นาที ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select Full-time 4WD II ระบบปั๊มฉีดน้ำมันดีเซล Commonrail Generation 4.5 แบบใหม่ เพิ่มระบบวาล์วระบายแรงดันน้ำมันเครื่อง เสื้อสูบ ฝาสูบ ใช้วัสดุอลูมินั่มอัลลอย และระบบโซ่ไทม์มิ่ง


Mitsubishi Triton Athlete 4WD AT มีโหมดการขับขี่ที่หลากหลายถึง 7 โหมด

    Normol (All) โหมดที่เหมาะกับสภาพถนนทั่วไป
    Eco (2H) โหมดที่ช่วยในการประหยัดเชื้อเพลิง
    Gravel (4H) โหมดช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน เมื่อต้องวิ่งผ่านถนนแห้งลื่น
    Snow (4H) สำหรับขับบนถนนลื่น / หิมะ
    Mud (4HLC) สำหรับขับผ่านทางที่เป็นโคลน
    Sand (4HLC) สำหรับขับผ่านทางที่เป็นทราย
    Rock (4LLC) สำหรับขับผ่านทางขรุขระ เนินสลับ


ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time AWD (Super Select 4WD II) ปรับได้ 4 รูปแบบ

    ขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) ขับขี่บนสภาพถนนปกติ
    ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) ขับขี่บนสภาพถนนเปียกลื่น ที่ใช้ความเร็ว ระบบจะถ่ายกำลังไปล้อหน้า 40% หลัง 60%
    ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4HLC) ขับขี่เส้นทางขรุขระ ถนนลื่น แต่ยังใช้ความเร็วได้ ระบบจะถ่ายกำลังไปล้อหน้า 50% หลัง 50% (ไม่ควรใช้บนทางแห้ง)

    ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4LLC) ขับขี่เส้นทางที่เป็นโคลน เนินสลับ ลาดชันมาก (ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 70 กม./ชม.)


ระบบ Active Limited Slip แบบควบคุมด้วยระบบเบรก

สมรรถนะของเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ที่มีการอัปเกรดใหม่ทำให้แรงขึ้นกว่าเดิม มีอัตราเร่งที่ดีตั้งแต่เริ่มออกตัว เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ D พอยกเท้าออกจากเบรก รถก็เคลื่อนที่แบบไร้แรงหน่วง เมื่อเติมคันเร่งเข้าไปอีกนิดก็สามารถไต่ระดับความเร็วไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกอืด แต่ก็ไม่ถึงกับพุ่งกระฉูด ในจังหวะที่เร่งแซงจากความเร็ว 80-120 กม./ชม. อัตราเร่งมาดีมากครับ เร่งแซงได้อย่างมั่นใจ และช่วงที่ขับลอยตัวที่ความเร็ว 100-120 กม./ชม. จะใช้รอบเครื่องเพียงแค่พันนิด ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือ หากขับแบบปกติเครื่องยนต์แทบไม่ต้องเค้นกำลังเลยครับ เป็นรถที่ได้ความแรงเพียงพอต่อการใช้งาน พละกำลังมีเหลือเฟือ ขับขึ้นเขาหรือทางชันได้แบบสบายหายห่วง แต่ถ้าหากเรากดคันเร่งแบบคิกดาวน์ เสียงของเครื่องยนต์จะดังเข้าห้องโดยสารได้ยินบ้างตามสไตล์รถเครื่องยนต์ดีเซล แต่เสียงที่ว่านี้ก็ไม่ได้ดังมากนักหากเทียบกับแบรนด์เจ้าตลาด


สำหรับการเก็บเสียงภายนอกนั้น ถือว่าเก็บเสียงได้ดีเป็นที่น่าพอใจครับ ลองขับที่ความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. เสียงลมภายนอกไม่ดังเข้าห้องโดยสาร แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้น ก็จะเริ่มได้ยินเสียงลมตีวนอยู่แถว ๆ กระจกมองข้าง



ระบบช่วงล่างของรุ่นนี้จะออกแนวนุ่มเมื่อขับผ่านทางขรุขระถือว่าซับแรงสะเทือนได้ดีครับ ในช่วงเส้นทางคดเคียว ผมเข้าโค้งที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ช่วงล่างยังคงยึดเกาะถนนและเก็บอาการได้ดี แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้นในช่วงที่เป็นโค้งลึก ๆ จะเริ่มออกอาการท้ายดิ้นเล็กน้อย แต่แก้ได้ด้วยการปรับโหมดขับเคลื่อนมาเป็น 4H ก็จะได้ความรู้สึกที่ดีขึ้น แต่ก็จะแลกกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย



อีกหนึ่งระบบความปลอดภัยที่อยากนำเสนอก็คือ ระบบ AYC (Active Yaw Control) ครับ หากเราขับเข้าโค้งแบบแรง ๆ หรือเข้าโค้งหักศอกด้วยความเร็ว มักจะเกิดอาการหน้าดื้อเลี้ยวไม่เข้า ทำให้หลุดโค้ง หรือบางทีก็รถหมุน ซึ่งระบบ AYC นี้จะเข้ามาช่วยทำให้การเข้าโค้งปลอดภัยขึ้น โดยระบบนี้จะทำงานร่วมกับ G Sensor หากตรวจจับได้ว่ารถมีแรงเหวี่ยงที่มากเกินไป ระบบ AYC จะเริ่มทำงาน

ในรุ่นนี้จะเป็นพวงมาลัยแบบไฟฟ้า เมื่อวิ่งที่ความเร็วต่ำ พวงมาลัยจะเบาหมุนเลี้ยวได้สบายไม่เมื่อแขน และเมื่อเพิ่มความเร็ว พวงมาลัยก็จะเริ่มหนักขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้ผมชอบมากครับ ในส่วนของความคมของพวงมาลัย จะอยู่ในระดับกลาง ๆ ครับ ซึ่งการปรับเซ็ตความคมระดับนี้ จะทำให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งการขับแบบออนโรด และออฟโรด


ต่อด้วยการทดสอบระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ซึ่งระบบนี้จะเริ่มทำงานที่ช่วงความเร็วประมาณ 30 กม./ชม. ผมทดสอบโดยตั้งความเร็วไว้ที่ประมาณ 80 กม./ชม. แล้วขับตามคันหน้าโดยที่เท้าไม่ได้แตะคันเร่งและเบรกเลย ปล่อยให้ระบบทำงานเอง โดยระบบจะใช้กล้องในการตรวจจับและปรับลดความเร็วของรถให้เท่ากับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างอัตโนมัติ และจะตัดการทำงานเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กม./ชม.


ในส่วนของระบบความปลอดภัยที่ให้มาก็ถือว่าครอบคลุมการใช้งานครับ เช่น ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM ,ระบบ Active LSD ,Airbag 7ตำแหน่ง ,กล้องมองภาพรอบคัน ,Sensorกะระยะ หน้า4-หลัง4 ,ระบบควบคุมไฟ สูงอัตโนมัติ AHB ,ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่จุดอับสายตา BSW ,ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA ,ระบบ ABS ,EBD ,BA ,TCL ,ASC ,HSA ,ESS


สรุปโดยรวม

Mitsubishi Triton Athlete ในเรื่องของการขับขี่นั้น ไม่มีอะไรน่ากังวลเลยครับ เป็นรถที่ขับดีมากรุ่นนึง แต่ด้วยช่วงล่างที่ผมมีความรู้สึกว่าจะออกแนวนุ่ม หากเราใช้ความเร็วในการเข้าโค้งอาจรู้สึกท้ายดิ้นเล็กน้อย ในส่วนของระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ถือว่าให้มาแบบครบครัน ส่วนการดีไซน์ ผมว่ารุ่นนี้ดูลงตัวมากครับ แต่งหล่อมาให้ครบครันจากโรงงาน เราแทบไม่ต้องเอาไปแต่งอะไรเพิ่มแล้ว

สรุปอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง Mitsubishi Triton Athlete 2.4 4WD AT จากการใช้งานจริง

    วิ่งในเมืองรถติด กินน้ำมัน 9 กม./ล.
    วิ่งแบบรถติดสลับถนนโล่ง กินน้ำมัน 10-11 กม./ล.
    วิ่งออกต่างจังหวัดถนนโล่ง ๆ ใช้ความเร็ว 100-110 กม./ชม. กินน้ำมัน 13 กม./ล. ถ้าเท้าเบาหน่อยก็จะได้ตัวเลขที่ดีกว่านี้