ขนาดและรูปแบบของท่อลมร้อนที่ควรใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดและรูปแบบของท่อลมร้อนที่ควรใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ลักษณะการใช้งาน ปริมาณลมที่ต้องการระบาย อุณหภูมิ และสภาพแวดล้อม โดยมีหลักเกณฑ์ในการเลือกดังนี้:
ขนาดของท่อลมร้อน
ขนาดเล็ก (เส้นผ่านศูนย์กลาง 4-8 นิ้ว):
เหมาะสำหรับใช้ในงานระบายอากาศทั่วไป เช่น ห้องทำงาน ห้องเก็บของ หรือบริเวณที่มีความร้อนไม่สูงมาก
เหมาะสำหรับใช้ในงานดูดควันหรือไอระเหยขนาดเล็ก
ขนาดกลาง (เส้นผ่านศูนย์กลาง 10-24 นิ้ว):
เหมาะสำหรับใช้ในงานระบายอากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องผลิต หรือบริเวณที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่
เหมาะสำหรับใช้ในงานดูดควันหรือไอระเหยปริมาณมาก
ขนาดใหญ่ (เส้นผ่านศูนย์กลาง 24 นิ้วขึ้นไป):
เหมาะสำหรับใช้ในงานระบายอากาศในพื้นที่ที่มีความร้อนสูงมาก เช่น เตาเผา หรือเตาหลอม
เหมาะสำหรับใช้ในงานดูดควันหรือไอระเหยที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
รูปแบบของท่อลมร้อน
ท่อลมร้อนโลหะ (เหล็ก สแตนเลส อะลูมิเนียม):
มีความแข็งแรงทนทานสูง ทนต่ออุณหภูมิสูงและแรงดันได้ดี
เหมาะสำหรับใช้ในงานอุตสาหกรรมหนัก หรือบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการกัดกร่อน
ท่อลมร้อนผ้าใบ (เคลือบซิลิโคน หรือ PVC):
มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย
เหมาะสำหรับใช้ในงานระบายอากาศทั่วไป หรือบริเวณที่ต้องการความยืดหยุ่นในการติดตั้ง
ท่อลมร้อนอะลูมิเนียมฟอยล์:
น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ราคาถูก
เหมาะสำหรับใช้ในงานระบายอากาศในอาคาร หรือบริเวณที่ไม่ต้องการความทนทานต่อแรงดันสูง
ท่อลมร้อน PVC:
มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ราคาถูก
เหมาะสำหรับใช้ในงานดูดฝุ่น หรือขี้เลื่อย
ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
ลักษณะการใช้งาน: เลือกท่อลมร้อนให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน เช่น งานระบายอากาศทั่วไป งานดูดควัน หรืองานระบายความร้อนจากเครื่องจักร
ปริมาณลมที่ต้องการระบาย: เลือกขนาดท่อลมร้อนให้เหมาะสมกับปริมาณลมที่ต้องการระบาย
อุณหภูมิ: เลือกวัสดุของท่อลมร้อนให้เหมาะสมกับอุณหภูมิที่ใช้งาน
สภาพแวดล้อม: เลือกวัสดุของท่อลมร้อนให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น สารเคมี หรือความชื้น
งบประมาณ: เลือกท่อลมร้อนที่มีราคาเหมาะสมกับงบประมาณ
คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านระบบระบายอากาศ เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกใช้ท่อลมร้อนที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณ
ควรมีการบำรุงรักษาระบบท่อลมร้อนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัย